บักวีต ( Buckwheat ) : Super Food พลังเพื่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

บักวีต - buckwheat DXFILL - 00

บักวีต (Buckwheat) เป็นพืชที่ปลูกเพื่อใช้เมล็ดในการบริโภค ถือเป็นอาหารซูเปอร์ฟู้ดที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ต้นบักวีตไม่ใช่ธัญพืชแท้ แต่จัดอยู่ในกลุ่มพืชดอกในวงศ์ Polygonaceae

 รายละเอียดของต้นบักวีต

 ลักษณะทั่วไป

– ชื่อวิทยาศาสตร์ Fagopyrum esculentum

– ลักษณะต้น ต้นบักวีตมีลำต้นที่แข็งแรง สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ใบมีรูปหัวใจและดอกสีขาวหรือชมพูขนาดเล็ก

– ระยะเวลาปลูก ระยะเวลาจากการปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวเมล็ดประมาณ 10-12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการดูแลรักษา

 การปลูกบักวีต

– ดิน บักวีตสามารถปลูกได้ในดินหลากหลายประเภท แต่ดินที่มีการระบายน้ำดีจะให้ผลผลิตดีที่สุด

– น้ำ ต้องการน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรให้น้ำมากเกินไปหรือขาดน้ำ

– แสงแดด ต้องการแสงแดดเต็มวันเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี

– อุณหภูมิ อุณหภูมิที่เหมาะสมในการปลูกอยู่ระหว่าง 15-30 องศาเซลเซียส

 ประโยชน์ของบักวีต

1. โปรตีน บักวีตเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด

2. ไฟเบอร์ มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันท้องผูก

3. วิตามินและแร่ธาตุ อุดมไปด้วยแมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และวิตามินบีต่าง ๆ

4. สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ

 การใช้ประโยชน์

– เมล็ดบักวีต ใช้เป็นอาหารเช่น แป้งบักวีต (buckwheat flour) ทำขนมปัง แพนเค้ก หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวบักวีต (soba noodles)

– ใบและลำต้น สามารถใช้เป็นอาหารสัตว์หรือปุ๋ยอินทรีย์

– น้ำมันบักวีต ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง

 การเก็บเกี่ยว

– เก็บเกี่ยวเมล็ด เมื่อต้นบักวีตเริ่มเหี่ยวและแห้งลง เมล็ดจะเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลเข้มถึงดำ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าพร้อมเก็บเกี่ยว

– การแปรรูป เมล็ดที่เก็บเกี่ยวมาจะถูกทำความสะอาดและแห้งก่อนนำไปบดหรือใช้ในการทำอาหารต่าง ๆ

เมล็ดบักวีต (Buckwheat seeds) มีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างจากธัญพืชอื่น ๆ เนื่องจากเป็นเมล็ดของพืชในตระกูล Polygonaceae ดังนั้นจึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่สามารถระบุได้ง่าย

 ลักษณะทั่วไปของเมล็ดบักวีต

1. รูปร่าง

   – เมล็ดบักวีตมีรูปร่างคล้ายทรงพีระมิดสามเหลี่ยม แต่ละเมล็ดมีขอบคมและฐานกว้างที่เรียบ

   – ขนาดของเมล็ดมักมีความยาวประมาณ 4-6 มิลลิเมตร

2. เปลือก

   – เมล็ดบักวีตมีเปลือกแข็งสีน้ำตาลเข้มหรือดำ ซึ่งต้องถูกลอกออกก่อนการบริโภค

   – เปลือกมีความแข็งแรงและยากต่อการแยกหากไม่ได้ผ่านกระบวนการบดหรือกะเทาะ

3. เนื้อใน

   – เนื้อในของเมล็ดบักวีตที่บริโภคได้มีสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน

   – เมื่อบดหรือทำให้ละเอียดจะได้แป้งบักวีต (Buckwheat flour) ที่สามารถใช้ในการทำอาหารต่าง ๆ

4. รสชาติ

   – เมล็ดบักวีตมีรสชาติคล้ายถั่ว มีความมันเล็กน้อยและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

   – เมื่อนำไปปรุงสุกหรืออบ รสชาติจะมีความเข้มข้นและหวานนิดหน่อย

5. คุณค่าทางโภชนาการ

   – เมล็ดบักวีตเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีนและไลซีน

   – อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยในการย่อยอาหารและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

   – มีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น แมกนีเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส และสังกะสี

   – มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังและการอักเสบ

6. วิธีการบริโภค

   – บด เมล็ดบักวีตสามารถบดเป็นแป้งเพื่อใช้ในการทำขนมปัง แพนเค้ก หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว

   – ต้มหรืออบ สามารถนำเมล็ดบักวีตมาต้มในน้ำหรืออบในเตาเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารต่าง ๆ เช่น สลัด ซุป หรือขนม

ประโยชน์ทางโภชนาการของเมล็ดบักวีต

 1. โปรตีนคุณภาพสูง

– เมล็ดบักวีตเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ไลซีนและลิวซีน

– โปรตีนในเมล็ดบักวีตเป็นโปรตีนคุณภาพสูงที่สามารถเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย

 2. ไฟเบอร์สูง

– เมล็ดบักวีตมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันปัญหาท้องผูก

– ไฟเบอร์ยังช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2

 3. วิตามินและแร่ธาตุ

– เมล็ดบักวีตอุดมไปด้วยวิตามินบี เช่น ไนอะซิน (วิตามินบี3) และกรดโฟลิก (วิตามินบี9) ที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการผลิตพลังงาน

– มีแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น แมกนีเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส และสังกะสี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างกระดูกแข็งแรง การสร้างเม็ดเลือดแดง และระบบภูมิคุ้มกัน

 4. สารต้านอนุมูลอิสระ

– เมล็ดบักวีตมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น รูติน (rutin) และคูเมสติน (quercetin) ซึ่งช่วยป้องกันการอักเสบและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง

 5. กรดไขมันดี

– เมล็ดบักวีตมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดไลโนเลอิก (linoleic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า-6 ที่จำเป็นต่อร่างกาย

– กรดไขมันเหล่านี้ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL)

 6. คุณสมบัติปราศจากกลูเตน

– เมล็ดบักวีตไม่มีกลูเตน ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนหรือมีโรคเซลิแอค (celiac disease)

– สามารถใช้แทนแป้งสาลีในอาหารและขนมต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการบริโภคอาหารปราศจากกลูเตน

 7. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

– เนื่องจากมีไฟเบอร์สูงและโปรตีนสูง เมล็ดบักวีตช่วยเพิ่มความอิ่มและลดความอยากอาหาร

– การบริโภคเมล็ดบักวีตสามารถช่วยในการควบคุมน้ำหนักและลดการบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง

 8. สุขภาพหัวใจ

– เมล็ดบักวีตช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจเนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันดี

– ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลและควบคุมความดันโลหิต

ประโยชน์ต่อสุขภาพที่ได้รับจากการบริโภคเมล็ดบักวีต

 1. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

– ลดระดับคอเลสเตอรอล เมล็ดบักวีตช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในเลือด และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

– ควบคุมความดันโลหิต เมล็ดบักวีตมีแมกนีเซียมที่ช่วยในการควบคุมความดันโลหิต ทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น

 2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

– ไฟเบอร์สูง เมล็ดบักวีตมีไฟเบอร์สูงช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2

– ดัชนีน้ำตาลต่ำ เมล็ดบักวีตมีดัชนีน้ำตาลต่ำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังการบริโภค

 3. สุขภาพทางเดินอาหาร

– เพิ่มการย่อยอาหาร ไฟเบอร์ในเมล็ดบักวีตช่วยเพิ่มการย่อยอาหารและป้องกันท้องผูก

– ส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดี ไฟเบอร์ยังช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ซึ่งช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 4. ป้องกันการอักเสบและโรคเรื้อรัง

– สารต้านอนุมูลอิสระ เมล็ดบักวีตมีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น รูติน (rutin) และคูเมสติน (quercetin) ที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง

– กรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไขมันไม่อิ่มตัวในเมล็ดบักวีตช่วยลดการอักเสบในร่างกาย

 5. ส่งเสริมสุขภาพกระดูก

– แร่ธาตุสำคัญ เมล็ดบักวีตมีแมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และแคลเซียม ที่สำคัญต่อการสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูก

– วิตามินเค มีส่วนช่วยในการสร้างโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการก่อตัวของกระดูก

 6. สนับสนุนการทำงานของสมองและระบบประสาท

– วิตามินบี เมล็ดบักวีตมีวิตามินบีหลายชนิด เช่น ไนอะซิน (วิตามินบี3) และกรดโฟลิก (วิตามินบี9) ที่สำคัญต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท

– แมกนีเซียม ช่วยลดความเครียดและปรับปรุงการทำงานของสมอง

 7. ส่งเสริมการลดน้ำหนัก

– โปรตีนและไฟเบอร์สูง โปรตีนและไฟเบอร์ในเมล็ดบักวีตช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น

– ดัชนีน้ำตาลต่ำ ทำให้ไม่เกิดการเพิ่มของน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ช่วยควบคุมความอยากอาหาร

 8. ปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

– สังกะสีและธาตุเหล็ก เมล็ดบักวีตมีแร่ธาตุสังกะสีและธาตุเหล็กที่สำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคและการติดเชื้อ

 9. สุขภาพผิว

– สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมสภาพของผิวและป้องกันการเกิดริ้วรอย

– วิตามินและแร่ธาตุ ช่วยในการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื่นและมีสุขภาพดี

วิธีการบริโภคเมล็ดบักวีต

 1. บดเป็นแป้ง (Buckwheat Flour)

– แป้งบักวีต เมล็ดบักวีตสามารถบดเป็นแป้งเพื่อใช้ในการทำขนมปัง แพนเค้ก วาฟเฟิล และขนมอบต่าง ๆ

– การใช้แป้งบักวีต ใช้แป้งบักวีตแทนแป้งสาลีในการทำอาหาร เพื่อทำอาหารที่ปราศจากกลูเตน

 2. ต้ม (Boiled Buckwheat)

– ต้มเมล็ดบักวีต นำเมล็ดบักวีตไปต้มในน้ำจนสุกและนุ่ม ซึ่งใช้เวลา 15-20 นาที

– ข้าวบักวีต ใช้เมล็ดบักวีตต้มแทนข้าวในมื้ออาหารต่าง ๆ เช่น ข้าวผัด ข้าวต้ม หรือสลัด

 3. อบ (Roasted Buckwheat)

– คาชา (Kasha) เมล็ดบักวีตที่ผ่านการอบหรือคั่วจะมีรสชาติหอมมัน นิยมใช้ในอาหารรัสเซียและยุโรปตะวันออก

– การอบ นำเมล็ดบักวีตไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-20 นาทีจนเมล็ดเป็นสีทอง

 4. แช่น้ำ (Soaked Buckwheat)

– การแช่น้ำ นำเมล็ดบักวีตแช่ในน้ำค้างคืน เพื่อให้นุ่มและย่อยง่ายขึ้น

– ประโยชน์ การแช่น้ำช่วยลดสารต้านโภชนาการ (antinutrients) ทำให้สารอาหารถูกดูดซึมได้ดีขึ้น

 5. ใส่ในสมูทตี้ (Smoothies)

– สมูทตี้บักวีต นำเมล็ดบักวีตบดละเอียดใส่ในสมูทตี้เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ

– การเตรียม ใช้เมล็ดบักวีตที่บดแล้วผสมในสมูทตี้พร้อมกับผลไม้และผักต่าง ๆ

 6. ทำเป็นขนม (Snacks)

– ขนมกรุบกรอบ นำเมล็ดบักวีตไปอบหรือคั่วพร้อมกับเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น น้ำผึ้ง ซินนามอน หรือเกลือ

– การทำขนม ผสมเมล็ดบักวีตในแป้งขนมหรือขนมอบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความกรุบกรอบและคุณค่าทางโภชนาการ

 7. ใส่ในสลัด (Salads)

– สลัดบักวีต ใช้เมล็ดบักวีตที่ต้มสุกแล้วผสมในสลัด เพิ่มโปรตีนและไฟเบอร์ในเมนูสลัด

– วิธีทำ ผสมเมล็ดบักวีตที่ต้มสุกกับผักสด ผลไม้ ถั่ว และน้ำสลัดตามชอบ

 8. ทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว (Soba Noodles)

– โซบะ (Soba) เมล็ดบักวีตสามารถนำมาทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวญี่ปุ่นที่เรียกว่า “โซบะ” ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในญี่ปุ่น

– การทำ ผสมแป้งบักวีตกับน้ำและทำเป็นแป้งเส้นก่อนนำไปต้ม

 9. ทำเป็นนมบักวีต (Buckwheat Milk)

– นมบักวีต เมล็ดบักวีตสามารถนำมาทำเป็นนมพืชที่เหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัว

– การเตรียม นำเมล็ดบักวีตแช่น้ำข้ามคืน แล้วปั่นกับน้ำสะอาด กรองเอาแต่ของเหลวที่ได้

การบริโภคเมล็ดบักวีตทั้งในรูปแบบบดและไม่บด

 เมล็ดบักวีตที่ไม่ได้บด

1. ต้ม เมล็ดบักวีตสามารถนำไปต้มได้โดยตรงเพื่อใช้เป็นข้าวบักวีตหรือผสมในสลัด ซุป หรืออาหารต่าง ๆ โดยไม่ต้องบด

2. อบหรือคั่ว สามารถนำเมล็ดบักวีตไปอบหรือคั่วเพื่อเพิ่มรสชาติหอมมัน นำไปใช้ในขนมหรือผสมในโยเกิร์ต

3. แช่น้ำ เมล็ดบักวีตที่แช่น้ำค้างคืนจะนุ่มลงและย่อยง่ายขึ้น สามารถใส่ในสมูทตี้หรือสลัดได้โดยไม่ต้องบด

 เมล็ดบักวีตที่บด

1. แป้งบักวีต เมล็ดบักวีตที่บดละเอียดจะกลายเป็นแป้งบักวีต ใช้ทำขนมปัง แพนเค้ก วาฟเฟิล และขนมอบอื่น ๆ

2. สมูทตี้ การบดเมล็ดบักวีตแล้วผสมในสมูทตี้ช่วยให้เนื้อสมูทตี้เนียนขึ้นและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ

3. ทำขนม เมล็ดบักวีตบดสามารถผสมในแป้งขนมหรือขนมอบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ

 ข้อดีของการบดเมล็ดบักวีต

– การดูดซึมสารอาหาร การบดเมล็ดบักวีตช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น เนื่องจากเมล็ดที่บดละเอียดสามารถย่อยได้ง่ายกว่า

– เพิ่มความหลากหลายในการทำอาหาร การบดเมล็ดบักวีตทำให้สามารถนำไปใช้ในเมนูอาหารที่หลากหลายมากขึ้น

ข้อควรระวังในการบริโภคเมล็ดบักวีต

 1. การแพ้บักวีต

– อาการแพ้ บางคนอาจมีอาการแพ้บักวีต ซึ่งแสดงออกในรูปแบบของผื่นคัน หายใจลำบาก หรือลมพิษ หากคุณมีประวัติแพ้อาหารหรือพืชอื่น ๆ ควรบริโภคบักวีตด้วยความระมัดระวัง

– ทดสอบแพ้ หากไม่เคยบริโภคมาก่อน ควรเริ่มจากปริมาณน้อยและสังเกตอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น

 2. การบริโภคในปริมาณมากเกินไป

– การย่อยอาหาร บริโภคเมล็ดบักวีตในปริมาณมากอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสีย เนื่องจากมีไฟเบอร์สูง

– ปรับปริมาณ ควรเริ่มบริโภคในปริมาณเล็กน้อยและค่อย ๆ เพิ่มปริมาณตามที่ร่างกายสามารถปรับตัวได้

 3. การเตรียมเมล็ดบักวีต

– การทำความสะอาด ก่อนการบริโภค ควรทำความสะอาดเมล็ดบักวีตให้สะอาดเพื่อล้างสิ่งสกปรกและสารเคมีที่อาจติดอยู่

– การแช่น้ำ การแช่น้ำเมล็ดบักวีตค้างคืนก่อนการปรุงช่วยลดสารต้านโภชนาการ (antinutrients) เช่น ไฟเตต (phytates) ซึ่งอาจลดการดูดซึมแร่ธาตุในร่างกาย

 4. การเก็บรักษา

– การเก็บในที่แห้งและเย็น เมล็ดบักวีตควรเก็บในที่แห้งและเย็น เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและการเสื่อมคุณภาพ

– อายุการเก็บ เมล็ดบักวีตที่บดแล้วควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทและใช้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อรักษาคุณภาพและป้องกันการเกิดกลิ่นเหม็นหืน

 5. สารกันบูดและสารเติมแต่ง

– เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารกันบูด ในการเลือกซื้อเมล็ดบักวีตหรือผลิตภัณฑ์จากบักวีต ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารกันบูดและสารเติมแต่ง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ

 6. การปรุงอาหาร

– หลีกเลี่ยงการปรุงที่ใช้ความร้อนสูง การปรุงเมล็ดบักวีตที่ใช้ความร้อนสูงอาจทำให้สารอาหารบางอย่างเสื่อมสลาย ควรเลือกวิธีการปรุงที่เหมาะสม เช่น การต้ม หรือการอบในอุณหภูมิที่ไม่สูงเกินไป

สารต้านอนุมูลอิสระหลัก ๆ ที่พบในเมล็ดบักวีต

 1. รูติน (Rutin)

– คุณสมบัติ รูตินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง พบในปริมาณสูงในเมล็ดบักวีต

– ประโยชน์ ช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด ลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด

– การป้องกันโรค รูตินช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด และมีบทบาทในการป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด

 2. คูเมสติน (Quercetin)

– คุณสมบัติ คูเมสตินเป็นฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ

– ประโยชน์ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง

– การป้องกันโรค คูเมสตินช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดอาการภูมิแพ้

 3. แทนนิน (Tannins)

– คุณสมบัติ แทนนินเป็นสารประกอบโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

– ประโยชน์ ช่วยลดการอักเสบและป้องกันความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ

– การป้องกันโรค แทนนินช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

 4. วิตามินอี (Vitamin E)

– คุณสมบัติ วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

– ประโยชน์ ช่วยบำรุงผิว ลดการอักเสบ และเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

– การป้องกันโรค วิตามินอีช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด และอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด

 5. ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมูเทส (Superoxide Dismutase – SOD)

– คุณสมบัติ SOD เป็นเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยในการกำจัดอนุมูลอิสระซุปเปอร์ออกไซด์

– ประโยชน์ ช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

– การป้องกันโรค SOD ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้อเสื่อม โรคหัวใจ และมะเร็ง

ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในเมล็ดบักวีต

 1. การลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

– รูติน (Rutin) ช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือดและลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง

– คูเมสติน (Quercetin) ลดการอักเสบและความดันโลหิตสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

 2. การป้องกันโรคมะเร็ง

– สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายของดีเอ็นเอที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง

– แทนนิน (Tannins) และฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

 3. การลดการอักเสบ

– คูเมสตินและรูติน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้อเสื่อม โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน

– วิตามินอี ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

 4. การส่งเสริมสุขภาพผิว

– วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ ทำให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์

 5. การปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน

– สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ

– ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมูเทส (SOD) ช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน

 6. การปรับปรุงสุขภาพตา

– สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในตาจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก

 7. การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

– สารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และช่วยในการควบคุมโรคเบาหวานในผู้ที่มีอยู่แล้ว

 8. การส่งเสริมการทำงานของสมอง

– คูเมสตินและรูติน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากความเสียหาย ส่งเสริมการทำงานของสมองและความจำ

แร่ธาตุที่พบในเมล็ดบักวีต

 1. แมกนีเซียม (Magnesium)

– บทบาท ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและประสาท ช่วยในการสร้างโปรตีนและกระดูก และมีส่วนสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิต

– ประโยชน์ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ลดความเครียดและช่วยในการนอนหลับ

 2. ฟอสฟอรัส (Phosphorus)

– บทบาท มีส่วนสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยในกระบวนการสร้างพลังงานในร่างกายและการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ

– ประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และช่วยในการทำงานของไต

 3. เหล็ก (Iron)

– บทบาท เป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งช่วยในการขนส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

– ประโยชน์ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง เพิ่มพลังงานและความแข็งแรง

 4. สังกะสี (Zinc)

– บทบาท มีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการรักษาแผล และมีบทบาทในกระบวนการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์

– ประโยชน์ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ผิวหนังและเส้นผมมีสุขภาพดี

 5. ทองแดง (Copper)

– บทบาท ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและการดูดซึมธาตุเหล็ก มีบทบาทในกระบวนการสร้างพลังงานและการทำงานของระบบประสาท

– ประโยชน์ ช่วยในการรักษาสุขภาพหัวใจและระบบประสาท

 6. แมงกานีส (Manganese)

– บทบาท เป็นส่วนประกอบสำคัญของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ช่วยในการสร้างกระดูกและการรักษาแผล

– ประโยชน์ ช่วยในการป้องกันโรคกระดูกพรุนและเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

 7. เซเลเนียม (Selenium)

– บทบาท มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของต่อมไทรอยด์

– ประโยชน์ ป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด และช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

 8. โพแทสเซียม (Potassium)

– บทบาท ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและประสาท ควบคุมความดันโลหิต และมีส่วนสำคัญในการสมดุลของน้ำในร่างกาย

– ประโยชน์ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง

ลักษณะของโปรตีนในเมล็ดบักวีต

1. โปรตีนคุณภาพสูง

   – โปรตีนครบถ้วน เมล็ดบักวีตมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด ได้แก่ ไอโซลิวซีน (Isoleucine), ลิวซีน (Leucine), ไลซีน (Lysine), เมไทโอนีน (Methionine), ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine), ทรีโอนีน (Threonine), ทริปโตแฟน (Tryptophan), วาลีน (Valine) และฮิสทิดีน (Histidine)

   – ไลซีนสูง เมล็ดบักวีตมีไลซีนในปริมาณสูง ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มักขาดแคลนในธัญพืชอื่น ๆ ทำให้เป็นโปรตีนที่มีความสมดุลและดีต่อสุขภาพ

2. โปรตีนกลูโบลินและอัลบูมิน (Globulin and Albumin)

   – โปรตีนหลัก โปรตีนในเมล็ดบักวีตประกอบด้วยกลูโบลินและอัลบูมินเป็นหลัก ซึ่งง่ายต่อการย่อยและดูดซึม

   – เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กลูโบลินเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

3. โปรตีนที่ปราศจากกลูเตน

   – เหมาะสำหรับผู้แพ้กลูเตน เมล็ดบักวีตไม่มีโปรตีนกลูเตน ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้กลูเตนหรือผู้ที่เป็นโรคเซลิแอค (celiac disease)

 ประโยชน์ของโปรตีนในเมล็ดบักวีต

1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ

   – กรดอะมิโนจำเป็น โปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนช่วยในการเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในร่างกาย

2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

   – กลูโบลิน โปรตีนกลูโบลินช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคและการติดเชื้อต่าง ๆ

3. ส่งเสริมการเผาผลาญพลังงาน

   – ช่วยในการเผาผลาญ โปรตีนช่วยในการเผาผลาญพลังงานและรักษาสมดุลของร่างกาย

4. เสริมสร้างสุขภาพผิวและผม

   – กรดอะมิโน กรดอะมิโนที่มีอยู่ในโปรตีนของเมล็ดบักวีตช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพผิวและผมให้แข็งแรง

 การบริโภคโปรตีนจากเมล็ดบักวีต

1. แป้งบักวีต สามารถบดเมล็ดบักวีตเป็นแป้งเพื่อใช้ในการทำขนมปัง แพนเค้ก หรือขนมอบต่าง ๆ

2. เมล็ดบักวีตต้ม สามารถต้มเมล็ดบักวีตเพื่อใช้แทนข้าว หรือผสมในสลัด ซุป หรืออาหารต่าง ๆ

3. สมูทตี้ เมล็ดบักวีตบดสามารถใส่ในสมูทตี้เพื่อเพิ่มโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการ

4. เส้นก๋วยเตี๋ยวโซบะ ใช้แป้งบักวีตในการทำเส้นก๋วยเตี๋ยวโซบะ ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในญี่ปุ่น

ประโยชน์หลักของไขมันในเมล็ดบักวีต

 1. ไขมันไม่อิ่มตัว

– กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) เป็นกรดไขมันโอเมก้า-6 ที่สำคัญ ช่วยในการเจริญเติบโตและการทำงานของเซลล์

– กรดโอเลอิก (Oleic Acid) เป็นกรดไขมันโอเมก้า-9 ที่มีประโยชน์ในการลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL)

 2. การลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

– การควบคุมคอเลสเตอรอล ไขมันไม่อิ่มตัวในเมล็ดบักวีตช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

– การลดการอักเสบ กรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ

 3. การบำรุงสมองและระบบประสาท

– การพัฒนาสมอง กรดไขมันจำเป็นมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและการทำงานของระบบประสาท

– การรักษาสุขภาพสมอง การบริโภคไขมันที่มีประโยชน์ช่วยรักษาสุขภาพสมองและลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม

 4. การเสริมสร้างสุขภาพผิว

– ความชุ่มชื้นของผิว ไขมันที่มีประโยชน์ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ลดการเกิดผิวแห้งและริ้วรอย

– การป้องกันการอักเสบ ไขมันไม่อิ่มตัวช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นในผิวหนัง ทำให้ผิวมีสุขภาพดีและป้องกันโรคผิวหนัง

 5. การสนับสนุนการดูดซึมวิตามิน

– วิตามินที่ละลายในไขมัน ไขมันช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน A, D, E, และ K ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย

 6. การส่งเสริมการเผาผลาญ

– การเผาผลาญพลังงาน ไขมันในเมล็ดบักวีตช่วยในการเผาผลาญพลังงานและรักษาสมดุลของร่างกาย

– การให้พลังงาน ไขมันเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญสำหรับร่างกาย ช่วยให้มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ

การบริโภคเมล็ดบักวีตเพื่อเสริมสุขภาพและต้านโรค

 1. โรคหัวใจและหลอดเลือด

– ลดคอเลสเตอรอล เมล็ดบักวีตมีไฟเบอร์และไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

– สารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น รูติน (Rutin) และคูเมสติน (Quercetin) ช่วยป้องกันการอักเสบและการเกิดลิ่มเลือด

 2. โรคเบาหวาน

– ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมล็ดบักวีตมีดัชนีน้ำตาลต่ำ และมีไฟเบอร์สูง ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2

– กรดดิโอโซบิวทิริก (D-chiro-inositol) เป็นสารประกอบในเมล็ดบักวีตที่ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน

 3. โรคมะเร็ง

– สารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดบักวีตช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

– ไฟเบอร์ การบริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่

 4. โรคข้ออักเสบและการอักเสบอื่น ๆ

– กรดไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันที่มีประโยชน์ในเมล็ดบักวีตช่วยลดการอักเสบในร่างกาย

– สารต้านอนุมูลอิสระและฟลาโวนอยด์ ช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคข้ออักเสบ

 5. โรคอ้วนและการควบคุมน้ำหนัก

– ไฟเบอร์สูง เมล็ดบักวีตมีไฟเบอร์สูงช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหาร ทำให้การควบคุมน้ำหนักง่ายขึ้น

– โปรตีน โปรตีนในเมล็ดบักวีตช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน

 6. โรคระบบทางเดินอาหาร

– ปรับปรุงการย่อยอาหาร ไฟเบอร์ในเมล็ดบักวีตช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันท้องผูก

– ส่งเสริมสุขภาพลำไส้ การบริโภคเมล็ดบักวีตช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้

 7. สุขภาพผิว

– สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ

– วิตามินและแร่ธาตุ ช่วยในการบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีและมีความชุ่มชื่น

สรุป

เมล็ดบักวีตมีประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ ไฟเบอร์ และไขมันที่มีประโยชน์ การบริโภคเมล็ดบักวีตช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และเสริมสร้างสุขภาพระบบทางเดินอาหารและผิวหนัง ทำให้เมล็ดบักวีตเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคต่าง ๆ

error: Content is protected !!